MAYKiDS สร้างสรรค์ พูดคุยกับครีเอเตอร์ไทยเจ้าของสติกเกอร์ LINE สุดฮอต สู่ผลงานการเขียนหนังสือครั้งแรก “รู้ไหม เธอเก่งมากๆ เลย”

Last updated: 26 เม.ย 2567  |  454 จำนวนผู้เข้าชม  | 

MAYKiDS สร้างสรรค์ พูดคุยกับครีเอเตอร์ไทยเจ้าของสติกเกอร์ LINE สุดฮอต สู่ผลงานการเขียนหนังสือครั้งแรก “รู้ไหม เธอเก่งมากๆ เลย”

MAYKiDS สร้างสรรค์
พูดคุยกับครีเอเตอร์ไทยเจ้าของสติกเกอร์ LINE สุดฮอต
สู่ผลงานการเขียนหนังสือครั้งแรก “รู้ไหม เธอเก่งมากๆ เลย”

 

 ในยุคปัจจุบันที่ใครๆ ก็ต่างติดต่อสื่อสารกันผ่านแอปพลิเคชัน LINE เพราะความสะดวกที่สามารถส่งข้อความและคอลคุยกันได้ บวกกับฟังก์ชันดีๆ อีกหลายอย่างที่ทำเอาหลายบริษัทใช้เป็นแอปพลิเคชันในการคุยงานด้วย แถมบางครั้งเรายังไม่จำเป็นต้องพิมพ์ข้อความยืดยาวเพื่อแสดงความคิดความรู้สึก แต่เลือกที่จะจิ้มนิ้วลงไปบนตัวการ์ตูนน่ารักๆ ที่เรียกว่าสติกเกอร์ LINE เพียงเท่านี้ก็แทนความรู้สึกที่อยากบอกได้แล้ว

สติกเกอร์ไลน์ในปัจจุบันมีให้เลือกซื้อและใช้งานแทนความรู้สึกได้อย่างหลากหลายและครอบคลุมเกือบทุกสถานการณ์ เราเชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นตากับคาแรคเตอร์เจ้าหมีสีน้ำตาลแสนอบอุ่นอย่าง “กูเม่” และเจ้ากระต่ายขาวสุดน่ารัก “พาเฟ่ต์” ที่สร้างสรรค์โดยครีเอเตอร์ชาวไทยอย่าง “MAYKIDS STUDIO”

จากสติกเกอร์สุดฮิตที่ถูกส่งให้กันบน LINE ได้แตกแขนงไปสู่ชิ้นงานอื่นอีกมากมาย และผลงานที่ทำให้เจ้ากูเม่และพาเฟ่ต์ทวีความฮอตยิ่งขึ้นก็คงจะเป็น K+ theme x Maykids ที่ไปโลดแล่นอยู่บนสลิปธนาคารกสิกรไทยสุดน่ารักนั่นเอง

วันนี้ “คุณเดียร์” หรือที่รู้จักกันก็ในชื่อ “MAYKiDS” เจ้าของคาแรคเตอร์หมีน้ำตาลและกระต่ายขาว ก็ได้ออกผลงานล่าสุดเป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ DOT ที่ชื่อว่า “รู้ไหม เธอเก่งมากๆ เลย”


แรงบันดาลใจจากคู่รักสู่คาแรคเตอร์กูเม่และพาเฟ่ต์

เกิดจากการที่เราอยากเล่าเรื่องราวของคู่รัก จึงสร้างคาแรคเตอร์ออกมาเป็นน้องหมีกับกระต่าย ในตอนแรกเป็นลายเส้นง่ายๆ แต่ด้วยความที่ในท้องตลาดมีหลายคาแรคเตอร์ที่เป็นหมี หรือกระต่าย จึงพัฒนาตัวคาแรคเตอร์มาเรื่อยๆ ให้มีชื่อ รูปลักษณ์ รวมถึงเรื่องราวให้น้องๆ เป็นที่น่าจดจำมากขึ้น โดยน้องหมี “กูเม่” เราออกแบบมาให้เป็นตัวแทนคนที่อบอุ่น ใจเย็น ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะยิ้มไว้ก่อน มีกำลังใจส่งต่อให้คนรอบข้างเสมอ ส่วนน้องกระต่าย “พาร์เฟ่ต์” เป็นตัวแทนคนที่มีความสดใส ร่าเริง แต่ก็ซุกซนเล็กน้อย ใครอยู่ด้วยแล้วต้องยิ้มได้ค่ะ



เพราะโลกนี้คือความหลากหลาย ใครก็สามารถมีความรักได้ จึงเกิดเป็นเจ้าหมีสีน้ำตาลและเจ้ากระต่ายขาว 

จริงๆ ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าควรทำคาแรคเตอร์เป็นคนหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็เลือกเป็นหมีกับกระต่ายค่ะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเราค่อนข้างถนัดวาดตัวคาแรคเตอร์ที่เป็นสัตว์มากกว่าคนด้วย แต่อีกส่วนหนึ่งเรามองว่า ไม่อยากวาดคาแรคเตอร์เพื่อให้ระบุเพศมากเกินไป เราต้องการถ่ายทอดเรื่องราวของคู่รักก็จริง แต่เป็นคู่รักเพศไหนก็ได้ เรามองว่าบุคลิกของน้องกระต่ายและหมี จะแทนลักษณะของคู่รักส่วนใหญ่ได้ค่ะ



เส้นทางจากนักวาดสู่การเป็นนักเขียน

ความจริงแล้วเป็นคนชอบเขียนข้อความแนวๆ ให้กำลังใจ หรือให้พลังบวกอยู่แล้วค่ะ ตอนที่วาดรูปน้อง “กูเม่” และ “พาร์เฟ่ต์” ลงในออนไลน์ครั้งแรก เราก็วาดภาพประกอบกับข้อความให้กำลังใจ  เพราะรู้สึกว่างานเราต้องมีสองอย่างประกอบกัน ถ้าเป็นแค่รูปวาดเฉยๆ หรือข้อความเฉยๆ มันจะสื่อความหมาย ความน่ารัก ออกมาได้ไม่เต็ม 100% 

ตอนแรกก็จะเขียนเป็นข้อความสั้นๆ ประมาณ 1-2 ประโยคเท่านั้น ลงในเพจมาเรื่อยๆ โชคดีที่คุณซวง จากทาง DOT books ติดต่อมาถามว่าอยากลองเขียนหนังสือไหม ก็เลยเป็นโอกาสดีที่เราได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ค่ะ จากข้อความสั้นๆ ก็ได้เขียนออกมาในรูปแบบบทความ ช่วงนี้ในเพจ จากเดิมที่จะมีแต่ข้อความแนวให้กำลังใจ ก็เริ่มมีเขียนเป็นการ์ตูนแก๊ก ใส่มุกตลกกวนๆ บ้าง อยากลองเขียนอะไรที่หลากหลายมากขึ้นค่ะ แต่ก็ยังเป็นการเล่าเรื่องผ่านคาแรคเตอร์กูเม่ต์และพาร์เฟ่ต์เหมือนเดิม


ความแตกต่างระหว่างงานวาดและงานเขียน

  เรารู้สึกว่าสิ่งที่เหมือนกันระหว่างการวาดภาพและการเขียนคือ ‘จุดมุ่งหมาย’ ที่เราต้องการที่จะสื่อให้ผู้ชมหรือผู้อ่านรับรู้ว่าคืออะไร แต่ต่างกันตรงที่ภาพวาดจะต้องสื่อออกมาเป็นท่าทาง ส่วนการเขียนคือต้องบรรยายออกมาให้เห็นภาพอีกที

 รู้สึกว่าตอนที่เขียนถ้าเรามีภาพประกอบในหัวอยู่แล้ว และเขียนเป็นข้อความบรรยายออกมา จะไม่ยากเท่าเรามีบทความแล้วมาวาดภาพประกอบค่ะ เพราะหลายๆ ครั้งก็คิดไม่ออกว่าจะต้องวาดออกมาท่าทาง ลักษณะไหนที่จะสื่อถึงบทความของเรา เพราะบางทีคำพูดหนึ่งมันสื่อออกมาเป็นท่าทางได้หลากหลาย อย่างเช่น ถ้าเราจะบอกว่า “เราเป็นห่วงนะ” เราอาจจะวาดเป็นภาพน้องหมีโทรถามน้องกระต่ายว่ากลับบ้านหรือยัง หรือน้องหมีห่มผ้าให้กระต่าย คือมันค่อนข้างสื่อออกมาได้หลากหลายมาก แต่ท่าทางไหนที่จะกินใจผู้อ่านมากที่สุดนั้น ก็ต้องมาทำการบ้านตรงนี้ค่ะ


การมองหาวันที่ดีอย่างง่ายๆ ในแบบของ MAYKiDS

เรารู้สึกว่าสังคมทุกวันนี้เครียดมาก โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ถูกกดดันให้ต้องประสบความสำเร็จเร็วๆ ตลอด เราเองเลยพยายามหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ เสมอค่ะ อย่างเช่น วันนี้ตื่นเช้าได้ รถไม่ติด แล้วก็ได้กินของอร่อยด้วย

 ในทุกๆ วันเราจะจดบันทึกความสุขเล็กๆ พวกนี้ไว้ในสมุดแพลนเนอร์ของเราค่ะ พอจดครบทั้งวัน เราอาจจะพบว่าวันนี้เรามีความสุขเล็กๆ ตั้ง 5-6 อย่างแน่ะ รวมๆ กันแล้วมันก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ย การที่เราทำแบบนี้มันทำให้เรามองโลกในแง่ที่บวกมากขึ้นด้วยค่ะ และไม่รอคอยที่จะหาความสุขที่ยิ่งใหญ่อยู่อย่างเดียว

 อีกอย่างคือเราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงจากทุกสิ่งที่ทำให้เราอึดอัด หรือลำบากใจค่ะ เราคิดว่าที่ไหนที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น มันก็จะไม่ใช่ที่ที่เหมาะสมกับเรา แต่เราก็เข้าใจเพราะบางครั้งก็เป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่นเรื่องงานอะไรแบบนี้ เราก็จะพยายามเลี่ยงให้ได้มากที่สุดค่ะ 

ถ้าวันไหนเลี่ยงไม่ได้ต้องเจอเรื่องที่ทำให้ท้อจริงๆ ก็ต้องให้รางวัลปลอบใจตัวเองสักหน่อยค่ะ เช่น กินขนมหรือดูหนัง


กำลังใจจาก MAYKiDS ถึงนักอ่านคนเก่งผ่านหนังสือ ‘รู้ไหม เธอเก่งมากๆ เลย’

อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนค่ะ แต่เราคงนั่งบอกทุกคนไม่ได้ ก็เลยบอกผ่านหนังสือ “รู้ไหม เธอเก่งมากๆ เลย”  ถ้าวันไหนทุกคนมีวันที่ท้อแท้ รู้สึกไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ก็อยากให้ลองหยิบหนังสือมาเปิดอ่านค่ะ แนะนำว่าให้วางไว้บนหัวเตียง เปิดอ่านก่อนนอนสักนิด รับกำลังใจเพื่อสู้ต่อในวันพรุ่งนี้นะคะ อยากให้ทุกคนรักตัวเองให้มากๆ แล้วบอกกับตัวเองเสมอว่าเราทำดีที่สุดและเก่งมากๆ แล้วค่ะ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้