ถึงเธอผู้เป็นที่รัก จากเสี้ยวความทรงจำ
ผู้เขียน ชองเซรัง
ผู้แปล กนกรัตน์
จำนวนหน้า 304 หน้า
การจากไปอย่างกะทันหันของ ‘ชิมชีซอน’ สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก ชิมชีซอนเป็นศิลปินเถรตรงฝีปากกล้าและเป็นนักเขียนหัวก้าวหน้าที่ขบถต่อสังคม จึงมีคนต่อต้านและชิงชังเธอไม่น้อย
ชิมชีซอนเกิดที่เกาหลี ย้ายไปอยู่ที่ฮาวายและเยอรมนี แต่งงานสองครั้ง มีลูกหลานมากมาย ก่อนจะกลับไปอยู่เกาหลีจนเสียชีวิต เธอเคยลั่นวาจาเอาไว้ก่อนตายว่าไม่ต้องจัดงานไหว้บรรพบุรุษให้ ซึ่งเหล่าลูกหลานก็รักษาสัญญาตามนั้นมาตลอดเก้าปี แต่เมื่อครบปีที่สิบ ครอบครัวก็คิดจะจัดงานให้ ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังหมู่เกาะฮาวายที่เธอเคยอาศัยอยู่ โดยแต่ละคนหาสิ่งของมาวางไว้บนโต๊ะไหว้ แล้วกล่องความทรงจำซึ่งมีสารพัดเรื่องราวของคุณแม่ คุณยาย และคุณย่าผู้เป็นที่รักของพวกเขาบรรจุอยู่ในนั้นก็ค่อยๆ แง้มเปิดออก
นิยายถึงเธอผู้เป็นที่รัก จากเสี้ยวความทรงจำ เป็นอบอุ่นเข้าถึงง่ายและตรงไปตรงมาเล่มนี้ จะทำให้คุณเห็นว่าการต่อสู้ดิ้นรนในยุคสมัยที่โหดร้ายของผู้หญิงคนหนึ่งช่วยจุดประกายความฝันและความหวัง ให้คนรุ่นหลังอย่างไร ขณะเดียวกันก็ทำให้พบว่าบรรดาผู้คนที่จากไปล้วนทิ้งเศษเสี้ยวบางอย่างของพวกเขาไว้ในตัวเราเสมอ
คำนำสำนักพิมพ์
มีพบเจอก็ต้องมีลาจาก เช่นเดียวกับมีลาจากก็ต้องมีพบเจอ การจากไปอย่างกะทันหันของชิมชีซอน ผู้เป็นทั้งแม่ ยาย และย่านั้น สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่ทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก
แต่เพราะ
ชิมชีซอนเคยสั่งเสียเอาไว้ว่าถ้าเธอตายไม่ต้องจัดพิธีไหว้บรรพบุรุษให้ ตลอดเก้าปีที่ผ่านมาจึงไม่เคยมีใครจัดพิธีไหว้บรรพบุรุษให้กับชิมชีซอนเลยสักครั้ง
แต่เมื่อปีที่สิบมาถึงทั้งครอบครัวก็มุ่งหน้าไปยังหมู่เกาะฮาวายเพื่อจัดพิธีไหว้บรรพบุรุษครั้งแรกและครั้งเดียวให้กับเธอ
'ถึงเธอผู้เป็นที่รัก...จากเสี้ยวความทรงจำ' จะพาเราไปรู้จักชีวิตของนักเขียนหญิงหัวขบถฝีปากจัดจ้านท่านหนึ่ง
ผู้เป็นทั้งที่รักในครอบครัวและที่ชังในสังคมผ่านบทสัมภาษณ์ หนังสือและความทรงจำ ของเหล่าลูกหลาน ผู้ค้นพบระหว่างออกเดินทางว่าคนที่จากไปล้วนทิ้ง เศษเสี้ยวของเขาเอาไว้ในตัวเราเสมอ
คำนำนักเขียน'พวกเราต้องมาเจอกันแล้วไหว้บรรพบุรุษที่ฮาวาย'
เป็นคำพูดที่แม่ฉันชอบพูดเล่นบ่อยๆ เพราะพี่น้องของแม่คนสองคน มักอยู่ที่อเมริกาเหนือ กลาง หรือไม่ก็ใต้เสมอ แต่กลับไม่เคยได้ทำอย่างนั้น จริงๆ เสียที ฉันจึงอยากลองหยิบยืมคำพูดเล่นของแม่และโศกนาฏกรรม ของครอบครัวมาเขียนเป็นนิยาย สมัยสงครามเกาหลีน้องชายของปู่ฉัน เสียชีวิตด้วยน้ำมือของกองทัพแห่งชาติ ฉันคงไม่ต้องครุ่นคิดมากขนาดนี้
หากความตายของเขามาจากทหารฝ่ายศัตรู ตอนนี้ฉันมีอายุมากกว่าปู่ สิบห้าปีแล้ว บางครั้งก็รู้สึกทึ่งในข้อเท็จจริงนั้น ในหนังสือนิยายเล่มนี้ ฉันเปลี่ยนโศกนาฏกรรมที่ว่าเป็นการสังหารหมู่พลเรือน ซึ่งมีพลเรือน จำนวนมากถูกสังหาร แต่เพราะการขาดแคลนงบประมาณและการ พัฒนาระดับภูมิภาค เหตุการณ์ดังกล่าวจึงยังไม่ถูกขุดค้นอย่างถูกต้องเหมาะสมในปัจจุบัน ฉันเชื่อว่าไม่มีสังคมใดที่ก้าวไปข้างหน้าได้โดยไม่จดจำ
เหนือสิ่งอื่นใดนิยายเล่มนี้คือความรักของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดที่อยากมอบให้แก่ผู้หญิงที่เหลือรอดมาได้จากศตวรรษที่ยี่สิบ ชื่อของชิมชีซอนคือการแปลงชื่อของคุณยายที่เสียชีวิตไปให้เป็นภาษาเกาหลี มอบชีวิตที่คุณยายไม่อาจมีได้ให้อยู่ในรูปแบบของนิยาย ฉันมักจะคิดถึง
เครือญาติอยู่เรื่อยๆ และใช้เวลาหลายปีในการตระหนักว่าไม่ได้มีให้แค่ คิมดงอินหรืออีซัง แต่มีให้คิมมยองซุนหรือนาฮเยซอกด้วย
ฉันอยากจะลองจินตนาการว่าถ้าศิลปินหญิงที่เคยอยู่ในยุคสมัยที่โหดร้ายนั้น ไม่เสียชีวิตแล้วยังฝืนทนเหลือรอดมาจนมีเครือญาติจะเป็นอย่างไร เป็นตอนจบที่มีความสุขไม่ง่ายนัก เป็นนิยายที่วงการศิลปะดำเนินไปตามอำนาจของฉัน ฉันย้ายฉากหลังไปที่ดึสเซลดอร์ฟเพื่อให้วาดภาพตาม ได้ง่าย หากจะให้อธิบายเผื่อว่าคนที่มีความเกี่ยวพันกับที่ดึสเซลดอร์ฟ จะน้อยใจ ความจริงแล้วจะเป็นที่ไหนก็ได้หากเป็นเมืองเล็กๆ ในยุโรป ที่สามารถใช้อิทธิพลของคนคนหนึ่งได้ แต่ที่ฉันเลือกดึสเซลดอร์ฟก็เพราะเป็นเมืองที่มีทางน้ำสวยงามและเป็นเมืองแห่งศิลปะ
ฉันได้รับอิทธิพล อย่างมากจากการได้เข้าร่วมงานนิทรรศการอย่างเช่น ORDG ในปี 2019 งานนิทรรศการเดี่ยวของอีมีจอง The Gold Terrace งานประชาสัมพันธ์ อนุสรณ์ของชอนแทอิล เป็นต้น แม้จะไม่ค่อยได้มีประสบการณ์แลกเปลี่ยน
ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับสาขาอื่นๆ แต่ก็เคยมีโอกาสได้พูดยาวๆ เกี่ยวกับสภาพสังคมของเกาหลีที่มีบรรยากาศของความเกลียดชังอันเจ็บปวดโอบล้อมอยู่ ทั้งยังได้สัมผัสกับเรื่องนิเวศวิทยาและลัทธิจักรวรรดินิยมอยู่ไม่น้อยเลย ฉันเขียนนิยายขึ้นจากความเข้าใจและความใกล้ชิด ยิ่งเขียนมากขึ้นฉันก็ยิ่งสอดแทรกเข้าไป แต่บางครั้งก็เหมือนว่าผู้อ่านได้ค้นพบสิ่งที่ฉันไม่ได้ซ่อนลงไปด้วย เหมือนการค้นหาสมบัติอย่างสนุกสนานไม่เปลี่ยนแปลง สุดท้ายนี้ฉันอยากแสดงความขอบคุณผู้ให้สัมภาษณ์และผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานชิ้นนี้ แต่ก็ขอสงวนรายชื่อของบุคคลสำคัญเหล่านั้นเอาไว้
หวังว่าทุกท่านจะอ่านเรื่องราวที่เริ่มต้นมาจากการพูดเล่นและโศกนาฏกรรมที่ผ่านการกลั่นกรองมาตั้งแต่ปี 2016-2020 นี้อย่าง สนุกสนานเพลิดเพลิน ฉันจะเขียนไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เช่นเดียวกับชิมชีซอนผู้ไม่เคยมีตัวตนอยู่
ฤดูร้อนปี 2020
ชองเซรัง