ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้

ใจดีกับตัวเองบ้างก็ได้

ผู้เขียน หมอจริง

จำนวนหน้า 192 หน้า

หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่มองไม่เห็นถึงคุณค่าของตัวเอง
หวังว่าบทต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านมองตัวเองด้วยความเมตตามากขึ้น เพราะเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง

• เราจะใจดีกับตัวเองได้อย่างไร
• อยากเป็นคนใจเย็นต้องฝึกอย่างไร
•  ทำไมการตั้งเป้าหมายปีใหม่จึงล้มเหลว
•  7 พฤติกรรมที่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
•  เมื่อเป็นผู้ใหญ่ เราเริ่มเรียนรู้ที่จะปล่อยความคาดหวังต่อพ่อแม่ไป ฯลฯ

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่าการใจดีกับตัวเองนั้นช่วยให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มีความเครียดน้อยลง มีความสุขมากขึ้นและมองโลกในแง่ดีขึ้น

หากได้ฝึกใจดีกับตัวเอง ความสัมพันธ์กับตัวเองจะเปลี่ยนไป จะมองเห็นข้อดีของตัวเอง มองเห็นว่าเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่กำลังดำเนินชีวิตไปในแบบของตัวเอง แล้วจะรู้สึกว่าใจเราโล่งขึ้น สบายขึ้น

สารบัญ

Part 1 ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์

• บทที่ 1 การเล่นโซเชียลมีเดียที่มากเกินไปกับโรคซึมเศร้าที่อาจตามมา
  
• บทที่ 2 แกะคุณสมบัติความเป็นแฟนที่ดีของจินยองซอ
• บทที่ 3 เพราะความกดดันเกิดจากการเปรียบเทียบ
• บทที่ 4 ทำไมการตั้งเป้าหมายปีใหม่จึงล้มเหลว
• บทที่ 5 เรานอนดึกกว่าที่ตั้งใจ เพราะ Revenge Bedtime Procrastination หรือไม่
• บทที่ 6 4 พฤติกรรมที่ทำร้ายความสัมพันธ์
• บทที่ 7 เมื่อเป็นผู้ใหญ่ เราเริ่มเรียนรู้ที่จะปล่อยความคาดหวังต่อพ่อแม่ไป

• บทที่ 8 เปิด Airplane Mode บ้างก็ได้
• บทที่ 9 ลองฝึกเป็นคนมีความยืดหยุ่น
• บทที่ 10 ผลของสมองต่อการนั่งสมาธิ
• บทที่ 11 ไม่ต้องรอให้สำเร็จแล้วถึงพอใจในตัวเอง
• บทที่ 12 การพบจิตแพทย์ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
• บทที่ 13 วิธีจัดการกับความเสียใจเมื่อสัตว์เลี้ยงจากไป
• บทที่ 14 ล้มเหลวอย่างไรไม่ให้ล้มเลิก
• บทที่ 15 เมื่อโลกเข้าถึงเราได้ง่ายเกินไป
• บทที่ 16 อยากเป็นคนใจเย็นต้องฝึกอย่างไร

• บทที่ 17 กอดตัวเองบ้างก็ได้
• บทที่ 18 ใจดีกับตัวเองคือการหลงตัวเอง และทำให้เราไม่พัฒนาหรือไม่
• บทที่ 19 7 พฤติกรรมที่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
• บทที่ 20 เสียงที่ต่อว่าตัวเองนั้นมาจากไหน
• บทที่ 21 ความรักของพ่อแม่ไม่ต้องสมบูรณ์แบบก็ได้
• บทที่ 22 เราจะใจดีกับตัวเองได้อย่างไร
• บทที่ 23 การนั่งสมาธิดีต่อสุขภาพจิตอย่างไร
• บทที่ 24 เรียนรู้ศิลปะแห่งการยอมแพ้

คำนำสำนักพิมพ์

เชื่อว่าหลายคนที่หยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาน่าจะเป็นคนที่มีนิสัยคล้ายๆ กัน ก็คือ ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นแล้วล่ะก็ พร้อมจะทุ่มเทพลังงาน แรงกาย แรงใจ ในการช่วยเหลือสารพัดเรื่อง แต่พอเป็นเรื่องของตัวเองกลับไม่ใส่ใจ หรือเอาไว้ก่อน เพราะคิดว่าเรื่องของคนใกล้ชิดและคนรอบข้างสำคัญกว่าหรือในทางกลับกันก็อาจจะเข้มงวดหรือกดดันกับตัวเองมากไปแทน

ทุกสิ่งที่ทำต้องสมบูรณ์แบบ ไม่มีผ่อนปรน จนทำให้ตัวเองเครียดและทุกข์บ่อยๆ
ถ้าเป็นเช่นนี้เราน่าจะไม่ต่างกัน และนี่คือหนังสือที่เขียนขึ้นมาเพื่อพวกเรา

หมอจริง ผู้เขียน สิ่งที่ใช่จะมาในเวลาที่เหมาะสม (หนังสือขายดีที่พิมพ์ซ้ำ 3 ครั้งในเวลา 6 เดือน) กลับมากับผลงานเล่มใหม่ ที่จะมาช่วยให้เรารักและใจดีกับตัวเองมากขึ้น เหมือนที่เราทำกับคนอื่นๆผ่านเรื่องเล่าสนุกๆ และงานวิจัยที่น่าเชื่อถือที่จะทำให้เราเข้าใจสาเหตุที่เราใจดีกับตัวเองไม่เป็นอ่านแล้วหวังว่าทุกคนจะได้เรียนรู้และใจดีกับตัวเองมากขึ้น


สำนักพิมพ์ DOT

คำนำผู้เขียน

คุณผู้อ่านเคยรู้สึกว่าตัวเอง “ไม่ดีพอ” ไหมคะ...?
ความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่ดีพอนี้เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับหลายคน บางคนอาจรู้สึกว่าตัวเองเก่งไม่พอ รายได้ไม่มากพอ ฐานะไม่ดีพอ เป็นเพื่อนที่ดีไม่พอ ให้เวลาแฟนได้ไม่มากพอ และอีกสารพัดอย่างที่จะรู้สึกได้

คงจะดีหากเราสามารถยอมรับความบกพร่องของตัวเองได้ และอยู่กับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เพราะโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และการแสวงหาความสมบูรณ์แบบอาจนำไปสู่ความผิดหวัง

หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่เคยต่อว่าตัวเอง ทุบตีตัวเอง เสียงที่ต่อว่าตัวเองนั้นอาจดังมากและเกิดขึ้นบ่อย จนกระทั่งบางครั้งเรามองไม่เห็นถึงคุณค่าของตัวเอง Self-Compassion จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามองเห็นตัวเองตามความเป็นจริงมากขึ้น ไม่ได้โทษตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ยังเห็นความตั้งใจดีของตัวเองด้วย

 Compassion แปลเป็นไทยว่าความเห็นอกเห็นใจ
Self-Compassion อาจแปลได้ว่าเป็นการเห็นใจตัวเอง ใจดีกับตัวเอง เมตตากับตัวเอง ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะขอใช้คำพูดง่ายๆ โดยแทนคำว่า Self-Compassion ว่าเป็นการใจดีกับตัวเอง

การใจดีกับตัวเองนั้นทำให้เราปฏิบัติกับตัวเองเหมือนที่เราปฏิบัติกับเพื่อนที่เรารักแน่นอนว่าเวลาที่เพื่อนทำผิดพลาด หรือต้องเผชิญกับความล้มเหลว เราคงจะพูดให้กำลังใจหรือพูดปลอบ คงไม่มีใครต่อว่าเพื่อน โทษเพื่อน หรือใช้คำพูดรุนแรงในเวลาที่กำลังทุกข์ใจ

การใจดีกับตัวเองนั้นแตกต่างกับความมั่นใจในตัวเอง (Self-Esteem) เพราะความมั่นใจในตัวเองเกิดขึ้นจากความรู้สึกว่าตนเองมีความสามารถ รู้สึกมั่นใจขึ้นเมื่อทำอะไรสำเร็จ

แต่เพราะว่าไม่มีใครทำอะไรสำเร็จตลอดเวลา มนุษย์ทุกคนมีความบกพร่องในบางด้าน ดังนั้นความมั่นใจในตัวเองสามารถลดลงหรือแตกสลายได้ หากรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอ หรือมีเรื่องไม่มั่นใจ หากเรามองเห็นถึงความอ่อนแอของตัวเอง และทำความเข้าใจว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เราจะโทษตัวเองน้อยลง ต่อว่าตัวเองน้อยลง

 มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่าการใจดีกับตัวเองนั้นช่วยให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น มีความเครียดน้อยลง มีความสุขมากขึ้นและมองโลกในแง่ดีขึ้น ซึ่งจะมีบทหลังๆ ที่อธิบายงานวิจัยเหล่านี้

จากประสบการณ์การทำงานของหมอ คนไข้ที่มีอาการวิตกกังวลหรือเป็นโรคซึมเศร้า มักมีการต่อว่าตัวเอง มองเห็นแต่ข้อเสียหรือข้อบกพร่องของตัวเอง แต่เมื่อได้ทำความรู้จักกับตัวเองในอีกด้านและเมตตาตัวเองมากขึ้น อาการเศร้าหรือวิตกกังวลนั้นจะเริ่มลดลง

อยากขอมอบหนังสือเล่มนี้ให้เป็นของขวัญสำหรับคนที่อยากออกจากวังวนของการต่อว่าตัวเอง โทษตัวเองเวลาทำผิดพลาด ใจร้ายกับตัวเอง

หากได้ฝึกใจดีกับตัวเองมากขึ้น ความสัมพันธ์กับตัวเองจะเปลี่ยนไป จะมองเห็นข้อดีของตัวเอง มองเห็นว่าเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่กำลังดำเนินชีวิตไปในแบบของตัวเอง แล้วจะรู้สึกว่าใจเราโล่งขึ้น รู้สึกสบายขึ้น ไม่บอบช้ำเหมือนตอนที่เคยทุบตีตัวเองมาเป็นเวลานาน

วังว่าบทต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผู้อ่านมองตัวเองด้วยความเมตตามากขึ้น เพราะเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง

ด้วยความห่วงใย
หมอจริง